แนวข้อสอบนายสิบตำรวจ 100 ข้อ
....................................................
ความรู้ความสามารถทั่วไป
1. 51 44 ¨ 33 29 ¨
1) 47,22 2) 39,20
3) 38,26 4) 53,21
ตอบ 3
วิธีคิด 51 - 7 = 44
( 44 - 7 ) + 1 = 38
( 38 - 7 ) + 2 = 33
( 39 - 7 ) + 3 = 29
( 29 - 7 ) + 4 = 26
2. 48 ¨ 44 41 ¨ 37 34 ¨ 30
1) 46,39,32 2) 45,39,30
3) 46,38,92 4) 47,38,30
ตอบ 1
วิธีคิด 48 – 2 = 46
46 – 2 = 44
44 - 3 = 41
41 - 2 = 39
39 - 2 = 37
37 - 2 = 34
34 - 2 = 32
32 - 2 = 30
3.
|
1) 20 2) 21
3) 22 4) 23
ตอบ 2 อนุกรมตามแนวนอนเป็นอนุกรมที่บวกด้วย 6
4.
|
1) 7 2) 8
3) 9 4) 11
ตอบ 3 อนุกรมแนวนอนเป็นอนุกรมบวกตัวคู่กัน
5. 8 20 17 40 36 80 ¨
1) 68 2) 70
3) 73 4) 75
ตอบ 4 อนุกรมชุดแรกเป็นอนุกรมที่คูนด้วย 2 แล้วบวกด้วย 1, 2,3
อนุกรมชุดสองเป็นอนุกรมที่คูณด้วย 2
6.
1) 23 2) 36 3) 39 4) 41
ตอบ 4
วิธีคิด ( 16 x 9 ) - 22 = 122
( 21 x 3 ) - 22 = 41
( 50 x 8 ) - 22 = 378
7.
1) 542 2) 621 3) 702 4) 894
ตอบ 3
วิธีคิด
8. 121 11 100 10 81 ¨
1) 9 2) 11
3) 13 4) 15
ตอบ 1 121 ถอดรากที่สองได้ 11
100 ถอดรากที่สองได้ 10
81 ถอดรากที่สองได้ 9
9.
¨
1) 2)
3) 4)
ตอบ 4 ตัวเศษใช้ 1, 3 , 5 , 7 ยกกำลัง 2
(1)2 = 1, (3)2 = 9 , (5)2 = 25 , (7)2 = 49
ตัวส่วนลบออกทีละ 1 , 2 , 3 ตามลำดับ
13 - 1 = 12
12 - 2 = 10
10 - 3 = 7
7 - 4 = 3
10. 216 15 72 45 24 135 ¨
1) 6 2) 8
3) 10 4) 12
ตอบ 2 อนุกรมชุดแรกเป็นอนุกรมที่หารด้วย 3
อนุกรมชุดที่สองเป็นอนุกรมที่คูณด้วย 3
ข้อ 41-44 พิจารณาอนุกรมตัวเลขที่กำหนดให้แล้วเลือกเลขไม่ถูกต้องตามอนุกรม
11.
อนุกรมที่หนึ่ง |
3 |
10 |
17 |
21 |
อนุกรมที่สอง |
21 |
15 |
11 |
9 |
ผลรวมเมื่ออนุกรมถูก = 108 |
1) 3 2) 10 3) 17 4) 21
ตอบ 2 อนุกรมที่หนึ่งเป็นอนุกรมที่บวกด้วย 8, 6, 4
ตัวที่ผิด คือ 10 ซึ่งต้องเป็น 11
จึงจะได้ 3+ 11 + 17 + 21 + 15 + 11 + 9 = 108
อนุกรมที่หนึ่ง |
4 |
6 |
12 |
19 |
อนุกรมที่สอง |
13 |
11 |
7 |
1 |
ผลรวมเมื่ออนุกรมถูก = 74 |
12.
1) 6 2) 7 3) 11 4) 12
ตอบ 2 อนุกรมที่หนึ่งเป็นอนุกรมที่บวกด้วย 3,5,7
ตัวที่ผิด คือ 6 ซึ่งต้องเป็น 7
จึงจะได้ 4 + 7 + 12 + 19 + 13 + 11 + 7 + 1 = 74
13.
อนุกรมที่หนึ่ง |
18 |
16 |
10 |
6 |
อนุกรมที่สอง |
8 |
11 |
16 |
23 |
ผลรวมเมื่ออนุกรมถูก = 110 |
1) 8 2) 10 3) 11 4) 23
ตอบ 2 อนุกรมที่หนึ่งเป็นอนุกรมที่ลบด้วย 2, 4 , 6
ตัวที่ผิด คือ 10 ซึ่งต้องเป็น 12
จึงจะได้ 18 + 16 + 12 + 6 + 8 + 11 + 16 + 23 = 110
อนุกรมที่หนึ่ง |
2 |
7 |
13 |
20 |
28 |
อนุกรมที่สอง |
43 |
35 |
29 |
22 |
15 |
ผลรวมเมื่ออนุกรมถูก = 215 |
14.
1) 20 2) 28 3) 29 4) 35
ตอบ 4 อนุกรมที่หนึ่งเป็นอนุกรมที่บวกด้วย 5, 6, 7, 8
ตัวที่ผิด คือ 35 ซึ่งต้องเป็น 36
จึงจะได้ 2 + 7 + 13 + 20 + 28 + 43 + 35 + 29 + 22 + 15 = 215
15. จากข้อความที่กำหนดให้ตัวเลือกข้อใดถูกต้อง
¶ มีค่าเป็น 13 เท่าของ 2
¯ มีค่าเป็น เท่าของ 14
คอลัมน์ ก |
คอลัมน์ ข |
¯ + ( 2 x ¶) |
( ¯ + ¶ ) x 2 |
1) ผลลัพธ์ในคอล์ม ก มีค่ามากกว่าคอลัมน์ ข
2) ผลลัพธ์ของทั้งสองคอลัมน์เท่ากัน
3) ผลลัพธ์ในคอลัมน์ ข มีค่ามากกว่าคอลัมน์ ก
4) ข้อมูลที่ให้ไม่เพียงพอต่อการเปรียบเทียบ
ตอบ 3 ¶ มีค่าเป็น 13 เท่าของ 2
คือ 13 x 2 = 26
¯ มีค่าเป็น เท่าของ 14
คือ x 14 = 147
คอลัมน์ ก ¯ + ( 2 x ¶)
147 + (2 x 26 ) = 199
คอลัมน์ ข ( ¯ + ¶ ) x 2
( 147 + 26 ) x 2 = 346
ดังนั้น ผลลัพธ์ในคอลัมน์ ข มีค่ามากกว่าคอลัมน์ ก
16. เมื่อนำ 2 ไปลบจาก a จะมีค่าเท่ากับ 7 และถ้านำ 2 ไปบวกกับ b จะมีค่าเท่ากับ a จง หาว่า a มีค่าเท่าใด
1) 5 2) 9
3) 11 4) 15
ตอบ 2 a - 2 = 7
a = 9
b + 2 = 9
b = 7
17. ติ๊กอายุมากกว่าเต๋า 5 ปี เต๋าแก่กว่าว่านัท 3 ปี นัทอายุอ่อนกว่าแอน 2 ปี และติ๊กอายุอ่อนกว่าอู๋ 1 ปี ถ้านัทอายุ 38 ปี ติ๊กจะมีอายุเท่าใด
1) 40 2) 45
3) 46 4) 42
ตอบ 3 สมมุติให้ติ๊กอายุ x ปี
สมมุติให้เต๋าอายุ y ปี
สมมุติให้นัทอายุ z ปี
ติ๊กอายุมากกว่าเต๋า 5 ปี ติ๊กอายุ x ปี ดังนั้น x = y + 5 …………………….(1)
เต๋าแก่กว่านัท 3 ปี เต๋าอายุ y ปี ดังนั้น y = z + 3 …………………….(2)
จากโจทย์กำหนดให้นัทอายุ 38 ปี
ดังนั้น y = 38 + 3
y = 41 ปี ( แสดงว่า เต๋า อายุ 41 ปี )
แทนค่า y ในสมการที่ 1
x = y + 5
x = 41 + 5
= 46
ติ๊ก อายุ 46 ปี
ดังนั้น ถ้านัทอายุ 38 ปี ติ๊กจะมีอายุ 46 ปี
18. เลขสองจำนวนเมื่อบวกกันได้ผลบวกเป็น 108 ถ้าจำนวนหนึ่งเท่ากับ 52 ผลคูณของสองจำนวนนั้นเป็นเท่าใด
1) 2,912 2) 2,913
3) 3,085 4) 3,086
ตอบ 1 x + y = 108
ให้ x เท่ากับ 52
52 + y = 108
y = 108 - 52
= 56
ผลคูณของทั้งสองจำนวน คือ 52 x 56 = 2,912
19. เมื่อ 10 ปีแล้ว น้อยอายุ x ปี อีก a ปี น้อยจะอายุเท่าใด
1) ( x – 10 ) + a ปี 2) x – 12 - a ปี
3) ( 10 – x ) + a ปี 4) ( x + 10 ) + a ปี
ตอบ 4 “ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว น้อยอายุ x ปี”
ปัจจุบัน น้อยมีอายุ = x + 10 ปี
อีก a ปี น้อยจะอายุ = อายุปัจจุบัน + a
= ( x + 10) + a ปี
20. จงหาปริมาตรของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
1) 56 ลูกบาศก์เซนติเมตร 2) 91 ลูกบาศก์เซนติเมตร
3) 104 ลูกบาศก์เซนติเมตร 4) 728 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ตอบ 4 ปริมาตรรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
วิชาภาษาไทย
1. การสะกดคำ
1. ข้อใดเขียนถูกต้องทั้งหมด
ก. รังเกียจ เกียจคร้าน เกียจกัน ข. ปรากฏ กฎหมาย กฎเกณฑ์
ค. ญาติพี่น้อง อนุญาต อนุมัติ ง. ย่อมเยา ราคาเยา เยาว์วัย
ตอบ (ข้อ ข)
2. คำต่อไปนี้คำใดเขียนผิด
ก. บุคลากร ข. ศักดิ์สิทธิ์ ค. อัฒจันทร์ ง. ไอศกรีม
จ. โจทก์จำเลย
ตอบ (ข้อ ก)
3. ข้อใดเขียนผิด
ก. บันทึก ข. บันเทิง ค. บันดาร ง. บันได
จ. บรรจง
ตอบ (ข้อ ค)
4. ข้อใดเขียนผิด
ก. สัญญประกาศ ข. ยติภังค์ ค. อัศเจรีย์ ง. นขลิขิต
จ. ปิจฉิมลิขิต
ตอบ (ข้อ ก)
5. คำใดเขียนผิด
ก. จระเข้ ข. จาระไน ค. จตุรงค์ ง. เจียระไน
จ. ไม่มีข้อถูก
ตอบ (ข้อ ง)
6. คำใดเขียนผิด
ก. สะบู่ ข. สะบัด ค. สะดุด ง. สะอิ้ง
จ. สะกด
ตอบ (ข้อ ก)
7. คำใดที่เขียนถูก
ก. ภู่กัน ข. พิสดาร ค. พละศึกษา ง. พิศวาส
จ. พิสมัย
ตอบ (ข้อ ข)
8. ให้เลือกคำที่สะกดผิด
ก. เหรียญกระษาปณ์ ข. เกสรดอกไม้ ค. เกษียณอายุ ง. เกษียรสมุทร
จ. ถูกทุกข้อ
ตอบ (ข้อ ข)
9. ข้อใดมีคำเขียนผิดรวมอยู่ด้วย
ก. พลการ พิสมัย ปรปักษ์ บรรพชิต ข. จรจัด จรลี จรดล จรณะ
ค. มณฑา มนเฑียร มณฑป มณโฑ ง. บิณฑบาต กากบาท ตักบาตร บทบาท
จ. ข้อ ก. และ ข้อ ง. ถูก
ตอบ (ข้อ ค)
2. การอ่านคำ
10. คำใดอ่านไม่ถูกต้อง
ก. คุณวุฒิ อ่านว่า คุน-นะ-วุด-ทิ ข. ประวัติศาสตร์ อ่านว่า ประ-หวัด-ติ-สาด
ค. บรรพชา อ่านว่า บัน-พะ-ชา ง. เกษตรศาสตร์ อ่านว่า กะ-เสด-สาด
จ. ไม่มีข้อถูก
ตอบ (ข้อ ง)
11. คำใดอ่านไม่ถูกต้อง
ก. สมรรถภาพ อ่านว่า สะ-มัด-ถะ-พาบ ข. ประกาศนียบัตร อ่านว่า ประ-กา-สะ-นี-ยะ-
บัด
ค. คมนาคม อ่านว่า คะ-มะ-นา-คม ง. มารยาท อ่านว่า มัน-ระ-ยาด
จ. ถูกทุกข้อ
ตอบ (ข้อ ง)
12. ข้อใดอ่านถูกต้อง
ก. อาสาฬบูชา อ่านว่า อา-สา-ระ-หะ-บูชา ข. พิสดาร อ่านว่า พิด-ดาน
ค. วิตถาวร อ่านว่า วิด-ถาน ง. สรรพากร อ่านว่า สับ-พา-กอน
จ. ไม่มีข้อถูก
ตอบ (ข้อ ค)
13. ข้อใดที่มีความหมายถึงการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
ก. ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ข. สาวไส้ให้กากิน ค. น้ากลิ้งบนใบบอน ง. ทำนาบนหลังคน
จ. อ้อยเข้าปากช้าง
ตอบ (ข้อ ง)
14. คำว่า “ย้อมแมวขาย” มีความหมายอย่างไร
ก. ทำของเลวให้เป็นของดี ข. เอาเมวมาย้อมสีขาย
ค. หลอกลวงขายสินค้าคุณภาพต่ำ ง. เอาของเลวๆ หลอกขายว่าเป็นของดี
จ. หาผลประโยชน์ด้วยการโกง
ตอบ (ข้อ ง)
15. ข้อใดเป็นราชาศัพท์ของคำว่า คำพูดของพระเจ้าแผ่นดิน
ก. พระราชปุจฉา ข. พระราชปฏิสังถาร ค. พระบรมราชโองการ ง. พระราชดำรัส
จ. พระบรมราโชวาท
ตอบ (ข้อ ง)
16. ข้อใดมีความหมายตรงกับคำที่ใช้ตัวหนา วัยรุ่นซ้อมเขาเสียจนคางเหลือง
ก. เจ็บหนักอาการปางตาย ข. คางมีสีเหลือง
ค. คางมีบาดแผล ง. บาดเจ็บเล็กน้อย
จ. ไม่มีทางสู้
ตอบ (ข้อ ก)
17. ข้อใดอ่านผิด
ก. ภูมิประเทศ อ่านว่า พู-มิ-ประเทด ข. ชลประทาน อ่านว่า ชน-ละ-ประ-ทาน
ค. ยุคลบาท อ่านว่า ยุ-คน-บาด ง. ภูมิภาค อ่านว่า พู-มิ-พาก
จ. ประวัติการณ์ อ่านว่า ปร-ะหวัด-ติ-กาน
ตอบ (ข้อ ค)
18. 3ฯ45 อ่านว่าอย่างไร
ก. วันอังคาร เดือนสาม แรมสี่ค่ำ ข. วันอังคาร เดือนสี่ ขึ้นห้าค่ำ
ค. วันอังคาร แรมสามค่ำ เดือนห้า ง. วันอังคาร เดือนห้า แรมสี่ค่ำ
จ. วันอังคาร ขึ้นสี่ค่ำ เดือนห้า
ตอบ (ข้อ ง)
19. 74ฯ2 อ่านว่าอย่างไร
ก. วันศุกร์ เดือนเจ็ด ขึ้นสองค่ำ ข. วันเสาร์ เดือนยี่ แรมสี่ค่ำ
ค. วันเสาร์เดือนยี่ แรมสองค่ำ ง. วันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้นสี่ค่ำ
จ. วันศุกร์ เดือนยี่ แรมสี่ค่ำ
ตอบ (ข้อ ง)
3. ความหมายของคำหรือกลุ่มคำ
20. “สุกเอาเผากิน” มีความหมายใกล้เคียงกับข้อใด
ก. รีบร้อน ข. รีบเร่ง ค. ร้อนรน ง. รวดเร็ว
จ.ไม่มีข้อถูก
ตอบ (ข้อ ข)
แนวข้อสอบความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
1. ข้อใดสำคัญที่สุดในระบบคอมพิวเตอร์
ก. บุคลากร ค. ซอฟต์แวร์
ข. ฮาร์ดแวร์ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. บุคลากร
2. ข้อใด ไม่ใช่ องค์ประกอบระบบคอมพิวเตอร์
ก. ฮาร์ดแวร์ ค. กระบวนการทำงาน
ข. บุคลากร ง. การประมวลผล
ตอบ ง. การประมวลผล
องค์ประกอบระบบคอมพิวเตอร์ มี 5 ส่วน ได้แก่ 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) 2. ซอฟต์แวร์ (Software) 3. บุคลากร (Peopleware) 4. ข้อมูล (Data) 5. กระบวนการทำงาน (Procedure)
3. อุปกรณ์ใดมีหน้าที่เก็บข้อมูลการท่องเว็บไซต์
ก. Favorite ค. History
ข. cache ง. Modem
ตอบ ค. History
4. การเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกลบไปแล้วในกูเกิ้ล
ก. แคช ค. ปลั๊กอิน
ข. คุกกี้ ง. ป๊อปอัป
ตอบ ก. แคช (cache)
5. การส่งภาพระยะ 10 เมตร ควรจะใช้อุปกรณ์ใด
ก. WLAN ค. WiFi
ข. Bluetooth ง. Modem
ตอบ ข. Bluetooth
6. www.Testthai1.com ข้อใดแสดงประเภทเว็บไซต์
ก. www ค. Testthai1.com
ข. Testthai1 ง. .com
ตอบ ง. .com
7. Wi-Fi คือสัญญาณความถี่ที่ถูกปล่อยให้ใช้เน็ตโดยไม่ผ่านสายโดยเป็นสัญญาณความถี่ชนิดใด
ก. คลื่นวิทยุ ค. คลื่นไมโครเวฟ
ข. คลื่นอินฟาเรด ง. คลื่นโทรทัศน์
ตอบ ก. คลื่นวิทยุ
8. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบใดที่หาข้อบกพร่องได้ง่ายที่สุด
ก. Star Network ค. Bus Network
ข. Ring Network ง. Hybrid Network
ตอบ ก. ระบบ Star Network
9. สารสนเทศคืออะไร
ก. ข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการประมวลผล
ข. ข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการประมวลผล แต่นำมาใช้ในการตัดสินใจ
ค. ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว แต่ยังไม่นำมาใช้ในการตัดสินใจ
ง. ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว และนำมาใช้ในการตัดสินใจ
ตอบ ง. ข้อมูลที่ประมวลผมแล้ว มานำมาใช้ในการตัดสินใจ
10. ข้อดีของ Flash memory คืออะไร
ก. ลบ-บันทึก ได้ ค. เขียนได้แต่ลบไม่ได้
ข. มีขนาดใหญ่ ง. เก็บข้อมูลไม่ได้
ตอบ ก. ลบ-บันทึก ได้
11. การเชื่อมต่อกล้องวิดีทัศน์และฮาร์ดิสใช้ พอร์ตใด
ก. Serial ค.Multimedia
ข. USB ง. VGA
ตอบ ข. USB
12. ข้อใดไม่ใช่การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
ก. WiFi ค. Bluetooth
ข. WLAN ง. LAN
ตอบ ค. Bluetooth
13. การค้นข้อมูลกูเกิ้ลโดยใส่วงเล็บ ให้ผลอย่างไร
ก. ได้ข้อมูลที่ถูกต้องตามต้องการ
ข. ทำให้การค้นหารวดเร็ว
ค. ได้ข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิม
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ข
14. เครื่องคอมพิวเตอร์เกิดปัญหา Worm Boot ต้องทำอย่างไร
ก. turn off ค. reset
ข. log off ง. shut down
ตอบ ค. Reset
15. ข้อใดคือโปรแกรม search engine
ก. Google ค. Mozilla Firefox
ข. Internet Explorer ง. Google Chrome
ตอบ ก. Google
16. จะทำแผนที่ควรใช้เครื่อง Printer แบบใด
ก. Plotter ค. inkjet
ข. laser ง. dot matrix
ตอบ ก. Plotter
17. ข้อใดคือของหน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์
ก. Main Board ค. Keyboard
ข. CPU ง. Harddisk
ตอบ ข. CPU
18. ห้องติดกัน ควรใช้สัญญาณอะไร ในการส่งข้อมูล ให้มีประสิทธิภาพและราคาประหยัด
ก. โทรศัพท์ ค. ดาวเทียม
ข. โทรเลข ง.สัญญาณวิทยุ
ตอบ ง.สัญญาณวิทยุ
19. ตู้ ATM ใช้คอมพิวเตอร์แบบใดในการควบคุม
ก. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ค. เวิร์คสเตชันคอมพิวเตอร์
ข. มินิคอมพิวเตอร์ ง.ไมโครคอมพิวเตอร์
ตอบ ก. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์
20. Face book เป็นการสื่อสารแบบใด
ก. การสื่อสารทางเดียว ค. การสื่อสารแบบกระจาย
ข. การสื่อสารสองทาง ง. การสื่อสารเป็นกลุ่ม
ตอบ ข. การสื่อสารสองทาง
วิชาภาษาอังกฤษ
Direction: Choose the best answer
1. I had no sooner closed the door ….. somebody started knocking on it.
a. that b. so
c. than d. when
Answer c. เราใช้คำเชื่อม (Conjunction) “no sooner …… than” ดังนั้นเมื่อมีคำว่า “no sooner…….” จึงต้องใช้ “than” คำตอบจึงเป็นข้อ c. เท่านั้น
2. “I don’t like science fiction.”
“ ……….. do I.”
a. Also b. Either
c. Both d. Nor
Answer c. การกล่าวปฏิเสธเมื่อจะต้องกล่าวซ้ำอีกในประโยคที่ผ่านมาแล้วว่าจะไม่เป็นหรือไม่ทำเช่นนี้ เช่นนั้นอีก เราใช้โครงสร้างที่เป็น Nor, Neither + กริยาช่วย + ประธาน เช่น Nor do I. หรือ Nor do I. หรือ Neither did he. ตัวเลือกจึงเป็นข้อ d.
3. Either of the women ………capable of looking after the baby.
a. are b. is
c. they are d. she is
Answer b. การใช้ “Either” เมื่อใช้ร่วมกับคำนาม (Noun) หรือคำสรรพนาม (Pronoun) ที่จะเป็นประธาน (Subject) จะทำให้มีรูปเป็นเอกพจน์ (ศึกษาจาก Grammar เรื่อง Agreement of Subject and Verb) ทำให้ในข้อนี้จะต้องมีกริยาเป็นรูปเอกพจน์ จึงเลือกข้อ b.
4. Hurry up ! ……… for you.
a. We all wait b. We all waited
c. We’ve all waited d. We’ re all waiting
Answer d. การใช้ข้อความอุทานมักจะบอกให้รู้ว่า ข้อความที่จะตามมาจะเป็นการเน้นให้เห็น Tense ที่จะได้ใช้เป็น Present Continuous Tense เป็นส่วนใหญ่ (ศึกษาจาก Tense เรื่อง Present Continuous Tense คำตอบจึงเป็นข้อ d.
5. She’s a very selfish woman, but somehow you can’t help …….her.
a. liking b. like
c. to like d. that likes
Answer a. เราใช้กริยา “can’t help” เพื่อเป็นสำนวนที่แปลว่า “อดไม่ได้ที่จะ”ซึ่งทำให้ต้องเป็นกริยาที่จะมีกรรมมารับ (transitive Verb) ตามมา จึงต้องใช้คำนามหรือ V.ing ทำให้ตัวเลือกจึงเป็นข้อ a.
6. Let’s have dinner together ………next week.
a. some time b. sometime
c. sometimes d. some times
Answer a. เราทราบว่า “time” หมายถึงเวลา แต่ “times” หมายถึง จำนวนครั้งในที่นี้จะต้องแปลว่า “เวลา” และจะหมายถึงบางเวลา จึงไม่ได้คำขยาย “some” เขียนติดกัน ตัวเลือกจึงเป็นข้อ a.
7. The soup tasted ……….
a. wonderful b. wonderfully
c. wonder d. wondering
Answer a. เราใช้กริยาเชื่อม (linking Verb) ที่จะมีคำขยายเป็น Adjective เท่านั้น เว้นแต่ว่า linking Verb นี้ ได้ให้ความหมายที่เด่นชัดหรือมีการเน้นเพื่อจะเป็นกริยาหลัก (Main Verb) จึงจะใช้ adverb มาขยาย ดังนั้น linking Verb โดยปกติจะใช้ Adjective มาขยายเท่านั้น ตัวเลือกที่เหมาะสมในที่นี้จึงเป็น Adjective คือข้อ a.
8. Shall we turn ……… the program ?
a. on to b. at
c. in d. off
Answer d. เราใช้สำนวน “turn off” หมายถึง ปิด เช่น ปิดโทรทัศน์, ปิดวิทยุ และใช้ “turn on” หมายถึง เปิด ดังวิธีการเปิดที่กล่าวมาแล้ว เช่น เปิดวิทยุ, เปิดโทรทัศน์ และในข้อนี้จะมีข้อ d. เหมาะสมที่สุด
9. It is extremely important for children ……. to share things.
a. learning b. learned
c. to learn d. be learning
Answer c. เราใช้คำที่เติมนี้นำไปขยาย “important” ให้รู้ว่าสำคัญอย่างไร คือ สำคัญที่จะเรียน ทำให้คำที่เติมจะต้องไปขยาย “important” ซึ่งเป็นคำ Adjective และเราทราบว่า “adverb” จะขยาย “Adjective” เราเห็นกริยา “is” เป็นกริยาช่วย ที่ใช้ทำหน้าที่เป็นกริยาแท้แล้วทำให้กริยาที่ตามมาจะเป็นกริยาไม่แท้ (Non-Finite Verb) ซึ่งถ้านำไปใช้เป็น adverb ก็จะได้แก่ “important” และขยาย Adjective “important” ที่ให้ความหมายเด่นชัด จึงต้องมี “to” มาคั่น คำตอบจึงเป็น “to learn” ที่ข้อ c. นั่นเอง
10. Don’t come and see me today. I’d rather you …….tomorrow.
a. will come b. have come
c. came d. come
Answer c. เราใช้กริยาช่วย “would rather” เพื่อบอกถึงความไม่จริงในขณะที่พูด เพราะเราแปลว่า “อยากที่จะ” ก็จะหมายถึงไม่ได้เป็นอย่างนั้นในขณะที่พูดนั้น ข้อความที่ได้แสดงว่าจะไม่จริง จึงไม่มีโอกาสใช้ Present Tense เลย เพราะ Tense นี้จะต้องเป็นความจริงในปัจจุบันอีกด้วย ทำให้ข้อความที่จะเติมถ้าเป็น Tense ก็ต้องเป็น Past Tense อย่างเห็นได้ชัด เราใช้โครงสร้างแบบ Subjunctive ที่เป็น Past หรือ Past Perfect Subjunctive นั่นเอง ตัวเลือกจึงพิจารณาที่ข้อ c. เท่านั้น
แบบที่ 2 แบบเลือกข้อผิด
Direction: Choose the one that is not correct in English.
11. In such a selfish society as ours, a couple needs to study each other before committing.
a. b. c. Themselves to marriage. d.
Answer b. เราทราบว่าประธานในประโยคนี้คือ “a couple” ซึ่งหมายถึง “คู่” จะให้ความหมายที่เป็นพหูพจน์ จึงทำให้กริยาที่ตามมาจะเป็นรูปพหูพจน์ไปด้วย โดยที่ “needs” จะต้องไม่เติม “ s ” นั่นคือข้อ “ b” แก้เป็น “need”
12. John, had studied his lecture notes thoroughly, was well prepared for the Physics exam.
a. b. c. d.
Answer a. ในประโยคนี้จะมีกริยาแท้ (K2) และ K1 (Subject) เพียงอย่างละคำเราจะทราบว่ากริยาแท้เมื่อตามหลังประธานจะไม่มีเครื่องหมาย Comma คั่นโดยตรง เราจึงใช้เป็นส่วนขยาย ซึ่งในที่นี้จะเป็น Participial phrase คือ “Having studied” ทำให้ข้อ a. ต้องแก้เป็นดังที่กล่าวไว้แล้ว
13. She was thirsty, so, she refused to drink any soft drink.
a. b. c. d.
Answer b. ในประโยคนี้จะแสดงความขัดแย้งของ 2 main clause ทั้ง main clause หน้า และ main clause หลัง เราจึงควรใช้ “but” แทนคำว่า “so” ในข้อ b.
14. American architecture is at is best when it concerns with buildings which have a practical purpose.
a. b. c. d.
Answer b. เราทราบใน clause หลังว่าน่าจะใช้เป็น Passive Voice เพราะประธาน “ it ” จะต้องเป็นผู้กระทำ จึงต้องแก้ไขในข้อ b. เป็น “is concerned with”
15. The ones who have read the book know the answer, but another don’t.
a b. c. d.
Answer d. เราใช้ “the ones” กับ “the others” เพื่อบอกว่าอย่างหนึ่งหรือคนพวกหนึ่งเป็นอย่างไร แต่อีกจำนวนหนึ่งซึ่งควรจะชี้เฉพาะในกลุ่มที่เรากล่าวมาแล้วในส่วนแรก “the ones” จึงทำให้ในส่วนหลังจะต้องเป็น “the others” เพื่อชี้เฉพาะในเรื่องนั้น และเป็นรูปพหูพจน์อีกด้วย จึงเลือกข้อ d. โดยแท้เป็น “the others”
16. The scientific revolution of the early 1900’s affected education by change the nature of technology.
a. b. c. d.
Answer c. คำที่เติมหรือตามหลัง Preposition จะใช้เป็นคำนามเสียเป็นส่วนใหญ่เพราะ Preposition จะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคำนามกับคำอื่นๆ ซึ่งอาจจะเป็นคำนามอีกก็ได้ แต่ต้องวางไว้หน้าคำนามเป็นอย่างน้อย และถ้าต้องการที่จะหมายถึงการกระทำที่เน้นอีกด้วย แล้วคำว่า “change”จะต้องใช้เป็น “changing” ทำให้ข้อ c. ต้องแก้เป็น “changing”
17. Translated into terms of psychological theory, association has been thought of as the basis of to learn,
a. b. c.conditioning , and creative thinking. d.
Answer c. เป็นที่ทราบว่า เราใช้คำนามหรือคำสรรพนามหรือ Gerund (V.ing) ตามหลัง Preposition เพราะ Preposition จะเชื่อมคำนามและคำต่างๆ ดังนั้น ในข้อ c. จึงต้องแก้เป็น “learning”.
18. Farm animals have been regardless by nearly all societies as a valuable economic resource.
a. b. c. d.
Answer b. เราเห็นรูปกริยาในประโยคนี้เป็น Passive Voice เพราะต้องทราบว่าประธานจะต้องเป็นผู้ถูกกระทำ จึงทำให้กริยาหลัก (Main Verb) จะต้องเป็น V3 ดังนั้น “regardless” จะต้องเปลี่ยนเป็น “regarded” ในข้อ b. นี้
19. The government requires the a census be taken every ten years so accurate statistics may be compiled.
a. b. c. d.
Answer c. ในประโยคนี้เราใช้คำเชื่อม (Conjunction) ว่า “ so ” ซึ่งบอกถึงผลที่จะได้รับ (so) เป็น Conjunction of result แต่จริงๆ ประโยคนี้ต้องการจะบอกถึงความมุ่งหมาย ซึ่งควรใช้ Conjunction of purpose จึงต้องแก้ข้อ c. เป็น “ so that หรือ in order that” เป็นต้น
20. The Hall of Fame at Newyork University is a national memorial to United States citizens who have
a. b. c.
achieved last greatness.
d.
Answer d. การบอกลำดับที่ของตัวเลข (Ordinal Number) เช่นที่ 1 หรือที่ 2 เราจะใช้ “ the ” เช่น the first, the second เป็นต้น และถ้าต้องการจะเน้นคำก็ใช้ในลักษณะเดียวกัน จึงทำให้ข้อ d. จะต้องมีการใช้ “ the” ซึ่งเราแก้เป็น “ the last greatness” (ความยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้าย)
สังคมและวัฒนธรรมจริยธรรม
1. วัฒนธรรมย่อยในสถาบันเศรษฐกิจของสังคมไทยเกิดจากอะไร
ก. สถานที่ประกอบอาชีพ ค. ค่านิยมในแต่ละอาชีพ
ข. ระบบค่าตอบแทน ง. เครื่องหมายการค้า
ตอบ ค. ค่านิยมในแต่ละอาชีพ
- วัฒนธรรมย่อยในแต่ละสถาบันเศรษฐกิจเกิดจากค่านิยมในแต่ละอาชีพ เช่น หมอ,
ครูต้องมีจรรยาบรรณ, เกษตรกรต้องช่วยเหลือกัน (เก็บเกี่ยวผลผลิต)
2. ข้อใดเป็นโครงสร้างที่สมบูรณ์ของสถาบัน
ก.สัญลักษณ์ รูปแบบ วิธีปฏิบัติ ค่านิยม
ข.จุดมุ่งหมาย รูปแบบ ความเชื่อ ค่านิยม
ค.จุดมุ่งหมาย วิธีปฏิบัติ ความเชื่อ ค่านิยม
ง.รูปแบบ สัญลักษณ์ ความเชื่อ วิธีปฏิบัติ
ตอบ ข. จุดมุ่งหมาย รูปแบบ ความเชื่อ ค่านิยม
3. ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะสังคมไทย
ก. เป็นสังคมเกษตรกรรม ค. เป็นสังคมเมือง
ข. เป็นสังคมเจ้าขุนมูลนาย ง. เป็นสังคมพุทธศาสนา
ตอบ ค. เป็นสังคมเมือง
- สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม คนส่วนมากเป็นเกษตรกร
- สังคมไทยเป็นสังคมศาสนาพุทธ คนส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ
- สังคมไทยเป็นสังคมเจ้าขุนมูลนาย คนส่วนมากยังคงได้รับอิทธิพลจากระบบอุปถัมภ์ (ระบบ
เจ้านาย – ลูกน้อง , ลูกพี่ – ลูกน้อง)
- สังคมไทยไม่ใช่สังคมเมืองเพราะมีคนเพียงร้อยละ20 ที่อาศัยในเขตเมือง
4. วัฒนธรรมใด ไม่ถูกต้อง
ก. วัฒนธรรมเป็นสมบัติเฉพาะของคนชั่วรุ่นหนึ่ง
ข. วัฒนธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นมีทั้งคุณและโทษ
ค. วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือช่วยในการปรับตัวของมนุษย์
ง. วัฒนธรรมที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการจะหมดไป
ตอบ ก. วัฒนธรรมเป็นสมบัติเฉพาะของคนชั่วรุ่นหนึ่ง
- วัฒนธรรมเป็นมรดกของสังคม ไม่ใช่เป็นเพียงสมบัติเฉพาะของคนชั่วรุ่นหนึ่งเท่านั้น
ข้อ ก จึงไม่ถูกต้อง
5. ข้อใด ไม่ใช่ การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม
ก. สตรีไทยมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น
ข. เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียมทำให้ขยาย การศึกษาไปยังท้องถิ่นห่างไกลได้
ค. สิ่งประดิษฐ์จากภูมิปัญญาพื้นบ้านในทุกชุมชนได้รับการส่งเสริมมากขึ้น
ง. ความเชื่อทางไสยศาสตร์ในชุมชนเมืองมีน้อยลง
ตอบ ก. สตรีไทยมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น
- ข้อ ข, ค, ง นับเป็นการ เปลี่ยนแปลง วัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตของสังคม
- ข้อ ก. เป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม คือ การเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างสังคม
(สถานภาพ, บทบาท) ไม่ใช่ การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม)
6. ข้อความใดถูกต้อง
ก. มนุษย์มีสัญชาตญาณในการสร้างบ้านเรือนเป็นที่อยู่อาศัย
ข. คำว่า วัฒนธรรมและสังคม มีความหมายเกือบไม่แตกต่างกัน
ค. การตอบสนองความต้องการของมนุษย์แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มสังคม
ง. มนุษย์ติดต่อสัมพันธ์กันด้วยพฤติกรรมที่เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละคน
ตอบ ค. การตอบสนองความต้องการของมนุษย์แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มสังคม
ข้อ ก. ผิด เพราะการที่มนุษย์สร้างบ้านเป็นไปเพราะการเรียนรู้ ไม่ใช่ เป็นไปตามสัญชาตญาณ
ข้อ ข. ผิด เพราะ วัฒนธรรมกับสังคมมีความหมายแตกต่างกัน
- สังคม หมายถึง กลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์กัน
- วัฒนธรรม หมายถึง วิถีชีวิตของสังคม
ข้อ 4 ผิด เพราะ มนุษย์ไม่ได้ติดต่อกันด้วยพฤติกรรมที่เป็นลักษณะเฉพาะของตนเท่านั้นแต่มีการติดต่อกันด้วยพฤติกรรมที่เป็นลักษณะที่คนทั่วไปในสังคมปฏิบัติต่อกันด้วย
7. ข้อใด ไม่เกี่ยวข้อง กับจารีต
ก. นรา ทำทุกอย่างตามแบบแผนของสังคม
ข. นริศ เชื่อในหลัก “ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว “ ตลอด
ค. นรินทร์ ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอันตรายเสมอ
ง. นเรศต้องกรวดน้ำทุกครั้งหลังจากตักบาตรพระแล้ว
ตอบ ง. นเรศต้องกรวดน้ำทุกครั้งหลังจากตักบาตรพระแล้ว
- จารีตเป็นข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความดี – ความชั่ว
ข้อ ก. จารีตเป็นแบบแผนหนึ่งของสังคม จึงเกี่ยวข้องกับข้อ ก.
ข้อ ข. กฎแห่งกรรม
ข้อ ค. ความเมตตากรุณาเป็นเรื่องเกี่ยวกับความดี – ความชั่ว จึงเกี่ยวกับจารีต
ข้อ ง. การกรวดน้ำเป็นเรื่องของวิถีชาวบ้าน ไม่ใช่จารีต
8. ปัญหาสังคมไทยโดยรวมจะส่งผลกระทบถึงข้อใดมากที่สุด
ก. คุณภาพของเยาวชนทางร่างกายและจิตใจ
ข. คุณภาพของสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและชีวภาพ
ค. คุณภาพของระบบเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ง. คุณภาพของประชากรโดยเฉพาะในวัยแรงงาน
ตอบ ง. คุณภาพของประชากรโดยเฉพาะในวัยแรงงาน
- โจทย์ถามถึงผลที่กระทบมากที่สุด
- ผลเสียหายที่สุดของปัญหาสังคม คือ ผลที่กระทบต่อมนุษย์ ข้อ ก. และข้อ ง. จึงเข้าข่ายที่ควรจะพิจารณา
- แต่ถ้าจะมองถึงผลเสียหายที่สุด คือ ผลระยะยาว คือ ผลที่กระทบต่อคุณภาพประชากรในวัยแรงงาน (ซึ่งจะเป็นช่วงที่ยาวนานกว่าวัยเด็ก และเป็นช่วงที่จะสร้างประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด)
9. ข้อใดคือความเชื่อในศาสนาคริสต์ที่ต่างจาก ศาสนาพราหมณ์
ก. มนุษย์เกิดเพียงชาติเดียว ค. ผู้เคารพพระเจ้าคือผู้ทำความดี
ข. มนุษย์เกิดจากการสร้างของพระเจ้า ง. ผู้ทำความดีพระเจ้าย่อมมองเห็น
ตอบ ก. มนุษย์เกิดเพียงชาติเดียว
- ศาสนาคริสต์เชื่อว่า คนเราเกิดมาชาติเดียว แล้วหลังจากตายไปรอวันพิพากษาโลกเลย ส่วน
ศาสนาพราหมณ์เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
- ข้ออื่น ๆ เป็นคำสอนที่ตรงกันทั้งศาสนาคริสต์และศาสนาพราหมณ์
10. ข้อใดคือหลักปฏิบัติในศาสนาอิสลามที่ ไม่ปรากฏ ในศาสนาอื่น ๆ
ก. การบูชาพระเจ้าด้วยการสวดภาวนา
ข. การสอนให้ศาสนิกสามัคคีปรองดองกัน
ค. การไม่นิยมสร้างรูปเคารพของพระ ศาสดา
ง. การสำรวมระวังไม่ให้จิตใจตกเป็นทาสของความอยาก
ตอบ ค. การไม่นิยมสร้างรูปเคารพของพระศาสดา
- ศาสนาอิสลามไม่มีรูปเคารพใด ๆ ทั้งสิ้น
11. การสอนเรื่องทุกข์ในพุทธศาสนา มีจุดประสงค์สุดท้ายอย่างไร
ก. ให้รู้ว่าชีวิตคือความทุกข์ ค. ให้เข้าใจว่าทุกข์มาจากกิเลสในใจเรา
ข. ให้ตระหนักว่าเราเอาชนะทุกข์ได้ ง. ให้รู้ว่าความทุกข์เป็นกรรม
ตอบ ข. ให้ตระหนักว่าเราเอาชนะทุกข์ได้
- ทั้งนี้เพราะพระพุทธเจ้าสอนเรื่องทุกข์ เพื่อให้เราพ้นทุกข์ (เอาชนะความทุกข์ได้)
12. หลักคำสอน “กรรมโยคะ” ในศาสนา พราหมณ์ – ฮินดู ตรงกับคำไทยข้อใด
ก. หนักเอาเบาสู้ ค. ปิดทองหลังพระ
ข. อาบเหงื่อต่างน้ำ ง. เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน
ตอบ ค. ปิดทองหลังพระ
- กรรมโยคะ ในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู หมายถึง “การกระทำที่ไม่หวังผลตอบแทน” จึงตรง
กับ “ปิดทองหลังพระ”
13. ข้อใดคือวัตถุประสงค์ของการศึกษาศาสนาที่ เกี่ยวข้องในสังคมไทย
ก. เพื่อหาข้อเด่นและข้อด้อยของแต่ละศาสนา
ข. เพื่อขันติธรรมในการอยู่ร่วมกันในสังคม
ค. เพื่อความภาคภูมิใจในศาสนาของตน
ง. เพื่อประยุกต์คำสอนของแต่ละศาสนามาเป็นหลัก ในการดำเนินชีวิต
ตอบ ง. เพื่อประยุกต์คำสอนของแต่ละศาสนามาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
ข้อ ก. ผิดที่ “หาข้อด้อยของแต่ละศาสนา”
ข้อ ข. ที่ถูกคือ เพื่อ “สันติธรรม” ไม่ใช่ “ขันติธรรม” (อดกลั้น)
ข้อ ค. เป็นการศึกษาเฉพาะศาสนาที่ตนนับถือ แต่โจทย์ถามถึงศาสนาที่เกี่ยวข้องกับสังคมไทย
14. " หลักแห่งความเสมอภาค " ในระบอบ ประชาธิปไตย หมายถึงกรณีในข้อใด
ก.รัฐบาล A ออกกฎหมายห้ามชาวนาตัด ไม้ทำลายป่า
ข.รัฐมนตรี B ขับรถชนคนบาดเจ็บแต่ไม่ผิดเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย
ค.นาย C ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้เพราะจบการศึกษาประถมปีที่หก
ง.นาย D เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราที่สูงกว่า นาย จ.
ตอบ ข. รัฐมนตรี B ขับรถชนคนบาดเจ็บ แต่ไม่ผิดเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย
ข้อ ก. ไม่เสมอภาค เพราะห้ามแต่ชาวนา
ข้อ ค. ไม่เสมอภาค เพราะเป็นการจำกัดโอกาสของคนมีการศึกษาน้อย
ข้อ ง. ไม่ได้แสดงเหตุผลว่าทำไมนาย ง. จึงเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่านาย จ.
ข้อ ข. ที่รัฐมนตรีไม่ผิด เค้าบอกว่าเพราะ “เป็นเหตุสุดวิสัย” ไม่ใช่ “เพราะเป็น
รัฐมนตรี” หมายความว่า “ไม่ว่าใครก็ไม่ผิดเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย” ข้อนี้แหละที่แสดง “ความเสมอภาค” มากที่สุด
15. การเมืองการปกครองของไทย ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2480-2514 มีลักษณะเช่นไร
ก. ฝ่ายการเมืองบริหารตามระบอบประชาธิปไตย
ข. ฝ่ายทหารมีบทบาทในระบบอำนาจนิยม
ค. ข้าราชการพลเรือนควบคุมการบริหารราชการ
ง. กลุ่มนักธุรกิจการเมืองมีบทบาทบริหารประเทศ
ตอบ ข. ฝ่ายทหารมีบทบาทในระบบอำนาจนิยม
- ทั้งนี้เพราะในช่วง ปี 2480 – 2514 เมืองไทยใช้ระบบเผด็จการทหารสำคัญ ๆ โดยจอมพล 3
ท่านตามลำดับ คือ จอมพลแปลก พิบูลสงคราม, จอมพลสฤษฎ์ ธนะรัชต์ และจอมพลถนอม
กิตติขจร
16. การดำเนินการตามข้อใดเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างอำนาจและบารมีของพระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยา
ก. การทำสงครามแผ่ขยายราชอาณาจักร
ข. การควบคุมขุนนางและราษฎรไว้ได้อย่างใกล้ชิด
ค. การส่งเสริมพระราชประเพณีและพิธีการทางศาสนาต่าง ๆ
ง. การสร้างสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติกับประเทศเพื่อนบ้าน
ตอบ ค. การส่งเสริมพระราชประเพณีและพิธีการทางศาสนาต่าง ๆ
- โจทย์ถามวิธีเสริมอำนาจบารมีของกษัตริย์อยุธยา สมัยอยุธยากษัตริย์ส่งเสริมพระราชประเพณีและพิธีการทางศาสนาต่าง ๆ เพื่อเสริมความเป็นเทวราชาของพระองค์ให้มั่นคงมากขึ้น เช่น มีพิธีบรมราชาภิเษกพิธีโสกันต์ มีการใช้ราชาศัพท์ ทำให้ทรงมีบารมีและต่างจากคนทั่วไปมากขึ้น
ข้อ ก. การทำสงครามในสมัยอยุธยา เพื่อแผ่ขยายราชอาณาเขต มีเฉพาะกับบริเวณประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างอำนาจบารมีของพระองค์
ข้อ ข. การควบคุมประชาชนและขุนนางอย่างใกล้ชิด เป็นแนวการปกครองสมัย “สุโขทัย”
ข้อ ง. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ฉันท์ญาติกับเพื่อนบ้าน เป็นแนวการปกครองสมัยก่อนสุโขทัยและสุโขทัยตอนต้น
17. แนวความคิดเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในสมัยต้นรัตนโกสินทร์แตกต่างจากสมัยอยุธยาในเรื่องใด
ก. ระบบศักดินา ค. การจัดระเบียบการปกครองส่วนกลาง
ข. ฐานะของพระมหากษัตริย์ ง. การจัดระเบียบการปกครองส่วนภูมิภาค
ตอบ ข. ฐานะของพระมหากษัตริย์
- ก่อนอื่นนักเรียนต้องเข้าใจก่อนว่าสมัยต้นรัตนโกสินทร์ หมายถึง สมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4 สมัยนั้นการปกครองประเทศทั้งส่วนกลางและภูมิภาคยังเหมือนเดิม คือ
-ส่วนกลางมีจตุสดมภ์
-ส่วนภูมิภาคก็เป็นหัวเมือง แล้วก็ยังมีการใช้กฎหมายศักดินาเหมือนเดิม
* เพียงแต่สมัยรัชกาลที่ 4 พระมหากษัตริย์เริ่มเป็นเหมือนธรรมราชา (แบบเดียวกับสุโขทัยตอนปลาย) คือ รัชกาลที่ 4 ทรงร่วมดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยากับเหล่าขุนนาง อันนี้แสดงให้เห็นว่ากษัตริย์เริ่มเป็นอย่าง ‘มนุษย์ธรรมดา’ มากขึ้น ไม่เหมือนสมัยอยุธยาที่กษัตริย์เป็นเทวราชาหรือสมมติเทพ
18. ความเป็นประชาธิปไตย หมายถึงอะไร
ก. ประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมือง
ข. อำนาจอธิปไตยมีฐานะสูงสุด
ค. ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ง. อำนาจอธิปไตยเป็นอิสระ
ตอบ ก. ประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมือง
- ความเป็นประชาธิปไตยสำคัญที่การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมือง
- ข้อ ข. และข้อ ง. ยังไม่ได้บ่งว่าเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยหรือไม่
19. องค์กรใดมีอำนาจวินิจฉัยข้อพิพาทอันเนื่องมาจากการกระทำหรือละเว้นการกระทำของหน่วยราชการตามรัฐธรรมนูญ
ก. ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ค. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ข. ศาลปกครอง ง. ศาลรัฐธรรมนูญ
ตอบ ข. ศาลปกครอง
- ข้อนี้โจทย์เขาถามถึงว่า เราจะฟ้องหน่วยราชการที่ทำหน้าที่ไม่ดีได้ที่ไหน
คำตอบคือ ศาลปกครอง ศาลนี้จะทำหน้าที่ตัดสินข้อพิพาทที่เราฟ้องหน่วยราชการที่
ปฏิบัติงานไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน
- ข้อ ง. ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินกรณีสำคัญ เช่น กฎหมายฉบับไหนขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือ
เปล่า
20. ข้อใด ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับระบบกฎหมาย คอมมอนลอว์
ก. ผู้พิพากษาเป็นผู้สร้างกฎหมาย
ข. เป็นระบบที่ไม่มีกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร
ค. ประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของระบบนี้คือประเทศอังกฤษ
ง. จารีตประเพณี และคำพิพากษาของศาล เป็นที่มาของกฎหมาย
ตอบ ข. เป็นระบบที่ไม่มีกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร
- “ระบบ” คอมมอนลอว์ คือ “ระบบ” กฎหมายจารีตประเพณี แต่ไม่ได้หมายความว่า
จะไม่มีกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรเลย ข้อ ข. จึงผิด
- ข้อ ก. จริง เพราะระบบนี้จะยึดถือคำพิพากษาศาลก่อน ๆ เสมือนกฎหมาย